เรียนบริบาลเรียนโรงเรียนไหนก็ได้ทั่วประเทศ แต่ที่นี่น่าเชื่อถือที่สุดเปิดมายาวนาน มีนักศึกษาจบไปกว่าหมื่นคน มีคุณภาพมาตรฐานที่องค์กรต่างๆและโรงพยาบาลให้การยอมรับ เรียนจบแล้วประกันการมีงานทำแน่นอน

เพราะเป็นโรงเรียนแรกที่เปิดมานานและเปิดสอนหลักสูตรพนักงานให้การดูแล ( Nurses  ‘ aides : NA) ซึ่งเป็นหลักสูตรมาตรฐานที่รับรองโดยสภาพยาบาล ซึ่งตอนนี้มีเปิดสอนน้อยมาก อีกทั้งตำแหน่ง NA ที่จะทำงานในโรงพยาบาล สภาการพยาบาลมีนโยบายให้เรียนจบหลักสูตรNA

เรียน 4 เดือนเพราะเป็นข้อกำหนดตามหลักสูตรของสภาการพยาบาลที่ให้เรียนทฤษฎี1 เดือนครึ่ง ฝึกปฏิบัติ 2 เดือนครึ่ง ซึ่งวิชาที่เรียนเข้มข้นและเกี่ยวข้องกับการทำงานโรงพยาบาลทั้งหมด

ต่างกันเพราะหลักสูตร 6 เดือนเรียนหลักสูตรการดูแลเด็กเล็ก 3 เดือน และการดูแลผู้สูงอายุ 3 เดือน ตามโครงสร้างหลักสูตรมุ่งเน้นการดูแลเด็กเล็กและผู้สูงอายุที่ไม่เจ็บป่วย ไม่ได้เน้นการให้บริการผู้ป่วยในโรงพยาบาล  ดังนั้นจึงทำให้เสียโอกาสในการหารายได้ถึง 2 เดือน ผู้เรียนต้องเสียค่าที่พัก อาหารและค่าใช้จ่ายส่วนตัวเพิ่มขึ้น

จริงค่ะ ไม่ต้องเสียเวลาเสียเงินซ้ำซ้อน ถ้าสามารถสอบแข่งขันเข้าเรียนได้และคิดว่าเราพร้อมทั้งด้านค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ทั้งค่าหอพัก อาหารและค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆเป็นเวลา 1ปี โดยไม่มีรายได้เพราะส่วนใหญ่เรียนภาคปกติ แต่ถ้าเรียน NA ก่อน เรียน เพียง 4 เดือนจบแล้วมีงานทำในโรงพยาบาลมีรายได้แล้วจึงเรียน PN ภาคเสาร์อาทิตย์ อีกทั้งทำให้มีโอกาสสอบเข้าเรียนได้และเรียนได้ดีกว่าคนอื่นๆ  ซึ่งโรงเรียนปิยะมินทร์คุณารักษ์ก็มีโควตาสำหรับศิษย์เก่าในการเรียนต่อ PN ที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตด้วย

ต่างกันคือ PN เรียกตำแหน่งนี้ว่า “ผู้ช่วยพยาบาล” เรียน 1 ปี เรียนในมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยพยาบาลเท่านั้นไม่มีเรียนในโรงเรียนบริบาลเรียนจบใส่ชุดขาวหมวกขาว มีหน้าที่ช่วยพยาบาลดูแลผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหนักและช่วยเรื่องการจัดเตรียมอุปกรณ์ของใช้ รายได้เริ่มต้นสูงกว่า NA ประมาณ 2,000-3,000 บาท

NA เรียกตำแหน่งนี้ว่า “พนักงานให้การดูแล” ตามข้อกำหนดของสภาการพยาบาล แต่ในโรงพยาบาลมักจะเรียกว่า “พนักงานผู้ช่วยงานพยาบาล” เรียน 4 – 6 เดือน เรียนที่โรงเรียนบริบาลและมหาวิทยาลัยบางแห่ง ชุดแต่งกายรูปแบบและสีตามนโยบายของแต่ละโรงพยาบาล แต่ห้ามใส่หมวกพยาบาล มีหน้าที่ช่วยพยาบาล เช่นเดียวกับ PN แต่ไม่ซับซ้อน เน้นดูแลสุขอนามัย สิ่งแวดล้อม อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ และงานธุรการแผนก

เรียนได้แน่นอนถ้ามีคุณสมบัติตามข้อกำหนดของสถาบันการศึกษา เช่นวุฒิ ม. 6 บางแห่งกำหนดต้องจบวิทย์คณิต แต่บางแห่งไม่กำหนดสายวิชา เกรดบางแห่งกำหนดต้องเกรด 2.5 หรือ 3 ขึ้นไป เพียงแต่การเรียน NA เป็นใบเบิกทางในการสอบเข้าได้ง่ายเพราะมีพื้นฐานความรู้ ทักษะ และทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพพยาบาล รักผู้ป่วย ทำให้เรียนได้ดีกว่าคนอื่น รวมทั้งสามารถเก็บสะสมแฟ้มสะสมงานได้ ที่สำคัญเป็นการค้นพบตนเองว่ารักในอาชีพนี้หรือไม่ ดีกว่าเสียเวลาเสียเงินเรียนพยาบาลแล้วไม่ชอบ  ยิ่งถ้าเรียนจบปริญญาตรีมาจะสามารถเรียนต่อพยาบาลเพียง 2 ปีครึ่งซึ่งเป็นหลักสูตรใหม่

มีแน่นอนเพราะท่านผู้อำนวยการ อาจารย์แม่ ดร. ศิริพันธ์ เวชสิทธิ์ มีประสบการณ์เป็นผู้ช่วยคณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเอกชน และมีประสบการณ์การพยาบาลมามากกว่า 40 ปี จึงมีความรู้และประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม  ที่นี่จึงเปรียบเสมือน เป็น “ โรงเรียนเตรียมพยาบาล ” ซึ่งศิษย์เก่าเรียนจบพยาบาลกันเป็นจำนวนมากซึ่งสามารถช่วยติวน้อง ๆได้ด้วย

รายได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเช่น ประเภทของสถานประกอบการ คลินิก โรงพยาบาล ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ หรือ เฝ้าไข้ตามบ้าน  ยังขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ความขยันในการทำโอที แต่ในการเริ่มต้นถ้าทำงานในสถานพยาบาล จะอยู่ที่ประมาณ 12,000 – 15,000 บาทไม่รวมรายได้อื่น ถ้ารวมค่าเวรกลางคืน ค่าโอที จะสามารถเพิ่มขึ้นถึง 20,000 บาท แต่ถ้าทำงานเฝ้าไข้ที่บ้านรายได้รวมค่าอาหาร ค่าโอที จะสูงถึง 30,000 บาทขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยด้วย ซึ่งทางโรงเรียนมีศูนย์ในเครือที่ส่งเฝ้าไข้ที่บ้านด้วย

ไปได้แน่นอนเนื่องจากขณะนี้ทั่วโลกมีผู้สูงอายุมากขึ้นต้องการผู้ดูแลหรือ Caregiver: CG มากขึ้นซึ่งจะพึงพอใจคนไทยเพราะเป็นคนเรียบร้อย อ่อนโยน บริการดี แต่จะไปที่ไหนได้บ้างจำเป็นต้องศึกษาจากกระทรวงแรงงานและบริษัทต่างๆที่ไว้ใจได้ อีกทั้งมีความพร้อมด้านภาษา แต่ที่โรงเรียนปิยะมินทร์คุณารักษ์จะมีบริษัทที่ร่วมมือกันในการส่งไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นรายได้ประมาณเดือนละ 50,000 บาท  โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรียนหลักสูตร NA ของสภาการพยาบาลจะได้เปรียบเพราะเป็นวุฒิบัตรที่เป็นสากลเป็นที่ยอมรับ และยังได้ขึ้นทะเบียนเป็น “ผู้ให้บริการ “ มีวุฒิบัตรให้ด้วย

เรียนได้หากมีคุณสมบัติอื่นๆตามที่โรงเรียนกำหนด เรียนจบแล้วมีงานทำแน่นอนแต่จะเป็นงานที่คลินิก หรือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ หรือดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน ซึ่งผู้ว่าจ้างจะพึงพอใจเนื่องจากมีวุฒิภาวะที่ดีและมีความรับผิดชอบ

เรียนจบปริญญาตรีมาเรียนเมื่อจบแล้ว ถ้าทำงานในโรงพยาบาล รายได้จะเท่ากันกับ ผู้ที่จบวุฒิ ม.6 เพราะตำแหน่งพนักงานผู้ช่วยพยาบาล ฐานเงินเดือนตามคุณสมบัติของตำแหน่งนั้นที่รับวุฒิ ม.6 แต่ข้อดีคือสามารถย้ายไปทำในตำแหน่งอื่นตามวุฒิได้ถ้าเมื่อตำแหน่งว่างเช่น จบนิเทศศาตร์ อยู่ประชาสัมพันธ์ จบบัญชีทำงานบัญชี จบบริหารอยู่ฝ่ายบริหาร และจบการตลาดอยู่ฝ่ายการตลาดเป็นต้น ซึ่งทุกตำแหน่งต้องการคนที่มีความรู้เรื่องการบริการในโรงพยาบาล และผ่านการเรียนหลักสูตร NA มาแล้วมากกว่า

การเรียน NA จะมีพื้นฐานความรู้ด้านการดูแลผู้สูงอายุอยู่แล้ว ดังนั้นสามารถที่จะทำธุรกิจเปิดศูนย์ดูแลผู้สูงอายุได้ ซึ่งเป็นที่ต้องการสูงเพราะผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ลูกหลานต้องทำงานไม่มีเวลาดูแล ซึ่งเป็นธุรกิจที่ลงทุนไม่สูงมาก หากเรียนจบปริญญาตรีแล้วสามารถเข้าอบรมและสอบขึ้นทะเบียนเป็นผู้ดำเนินการได้ทันที นอกจากนี้สามารถเปิดศูนย์ส่งผู้ดูแลผู้สูงอายุไปดูแลที่บ้านได้ด้วย

มีสาขาเดียวที่กรุงเทพฯเท่านั้น เนื่องจากผู้บริหารมองเห็นว่าสามารถควบคุมคุณภาพได้ใกล้ชิด และในกรุงเทพฯ เป็นแหล่งงานของนักศึกษามีโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนมากกว่า 200 แห่ง แต่ในต่างจังหวัดมีไม่มาก ต้องส่งนักศึกษามาฝึกในกรุงเทพฯเหมือนกัน อาจทำให้การปรับตัวได้ช้าไม่เหมือนการมาเรียนตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งอาจารย์สามารถติดตามดูแลได้ใกล้ชิด ช่วยแก้ปัญหาได้ตลอดเวลา เมื่อเรียนจบแล้วสามารถมีงานทำได้ 100% แต่ถ้าต้องการกลับไปทำงานที่บ้านก็สามารถกลับไปบ้านได้เมื่อเรามีใบผ่านงานไปแล้ว จะมีโอกาสรับทำงานมากกว่าเรียนจบใหม่ๆ เพราะในต่างจังหวัดตำแหน่งงานมีน้อยกว่า อีกทั้งเป็นแหล่งสถานศึกษามากมายที่เอื้ออำนวยในการศึกษาต่อระดับปริญญาตรี

  • โรงพยาบาลรัฐบาล (ทุกแผนก) และโรงพยาบาลเอกชน
  • คลินิกเวชกรรมทั่วไป
  • สถานดูแลเด็กเล็ก (Nursery)
  • สถานดูแลผู้สูงอายุ (Nursing Home)
  • คลินิกความงาม 
  • คลินิกทันตกรรม 
  • พยาบาลพิเศษเฝ้าไข้ที่บ้าน
  • โรงเรียนอนุบาล

สายงานด้านสุขภาพทั้งในและต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับความชอบ ความถนัด ตามความเหมาะสม

สามารถสมัครเรียนได้ พร้อมเปิดโอกาสให้กับทุกๆสายการเรียน ขอเพียงแค่มีใจรักในสายงานพยาบาล รักที่จะช่วยเหลือคนอื่น ไม่ว่าจะจบสาขาวิชาไหนมาก็สามารถเรียนได้ โดยที่ทางโรงเรียนปิยะมินทร์คุณารักษ์จะปูพื้นฐานใหม่ให้กับทุกคน